กล่าวสวัสดี สมาชิกเว็บ 54niwat ทุกท่านครับ วันนี้ได้ ฤกษ์งามยามดี จับมารีวิวก่อนที่จะไป
อยู่กับเจ้าของคนใหม่ ขอเกริ่นประวัติรถแบบคร่าวๆก่อนนะครับ
HONDA ACCORD 2. E Gen7 โฉมปี 2003 เมื่อครั้งที่ HONDA เปิดตัว ACCORD
โฉมปี 2003 ครั้งแรก ช่วงเดือนมีนาคม 2003 ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ ของซีดานขนาด
ครอบครัวสำหรับนักบริหารรุ่นยอดนิยม
ฮอนด้า แอคคอร์ด (HONDA ACCORD)
แอคคอร์ด เป็นรถยนต์ขนาดกลางของฮอนด้า ที่ได้รับความนิยมสูงสุด นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้ง
แรกเมื่อปี 1976 และถือเป็นแกนหลักสำคัญ แท็คทีมร่วมกับฮอนด้า ซีวิค บุกตลาดโลกจน
ประสบความสำเร็จ และนำชื่อเสียงมาสู่ แผนกรถยนต์ของฮอนด้ามากมายมานักต่อนัก
HONDA ACCORD นั้นแบ่งเป็น 2 เวอร์ชั่น
– เวอร์ชันอเมริกัน + ไทย
– เวอร์ชันญี่ปุ่น + ยุโรป
เวอร์ชันไทย เปิดตัวเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2003 มีให้เลือกทั้งรุ่น 2.4 ลิตร และ วี6 3.0 ลิตร
ขณะนั้นมีให้เลือก 4รุ่นย่อย จากนั้นจึงค่อยๆเพิ่มรุ่นพิเศษบ้างเป็นระยะ
ทั้งแอคคอร์ด สปอร์ต 2.4 , แอคคอร์ด พรีเมียม สีขาวมุก และในปี 2005
HONDA ก็ได้เปิดตัว ACCORD รุ่น 2.0 ลิตร ตามมา ก่อนที่ ACCORD
จะทำการปรับเปลี่ยนเป็น Minor Change ครับ
(นั่นก็คือคันนี้แหละครับ)
เครื่องยนต์ สำหรับ ฮอนด้า แอคคอร์ด เวอร์ชันไทย มี 3 ขนาดให้เลือกครับ
– K20A7 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี หัวฉีด PGM-FI
พร้อมระบบแปรผันวาล์วแบบ i-VTEC ซึ่งแปรผันทั้งที่แคมชาฟต์ และที่หัวแคมชาฟต์
150 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด เพียง 19 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที
เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ควบคุมด้วยอีเล็กโทรนิกส์ที่มีทั้งระบบ New Glade logic control
และ New direct control
(สำหรับเกียร์ที่หลายๆคนบ่นว่าเกียร์ฮอนด้ามักเสียง่ายอันนี้ผมขอไม่เถียงครับ
แต่มันก็ไม่จริงเสมอไปครับทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของการขับขี่ของแต่ละท่าน ด้วยครับ)
และระบบห้ามล้อ แบบดิสก์เบรก ทั้ง 4 ล้อ พร้อม ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ทางHONDA ได้ปรับแต่งเบรก ให้ตื้น เพื่อการตอบสนองที่ดี
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่ พร้อมซับเฟรมขนาดใหญ่
ส่วนด้านหลังเป็นแบบปีกนกคู่ 5 จุดยึด เช็ตมาเพื่อตอบสนอง การขับขี่ได้เป็นอย่างดี
ลูกค้าที่ซื้อไป แทบไม่ต้องปรับปรุงอะไรเพิมเติมแล้วสำหรับระบบกันสะเทือนของแอคคอร์ดรุ่นนี้
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เฉลี่ยอยู่ที่ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าขับไม่เกิน 80 km. นะครับ
มาต่อกันที่ด้านในกันบ้างเมื่อเปิดประตู มาจะเจอกับแผงประตู แบบพิมนิยม คือ
บนสุดคือที่ปรับกระจกข้างครับ
ด้านข้างคือที่พับหูกระจก ถัดลงมาคือตัวล็อคประตูและกระจกครับ ด้านใต้สามารถใส่ขวดน้ำ
7 บาทได้ทุกบาน ประตูใส่สมุดหนังสือเล่มไม่ใหญ่มากพอได้อยู่ครับ ที่ปุ่มทุกปุ่มจะมีไฟเรืองแสงติดมาให้ด้วย ครับ
เมื่อมองมาด้านใน จะเจอคอลโซนที่ไม่หวือหวาอะไรมากมายนัก โดยร่วมแล้วถือว่าการ
ออกแบบใน ACCORD ถือว่าเอาใจผู้โดยสารด้านหน้าเป็นพิเศษ มีแอร์อัตโนมัตแยกอุณภูมิ ซ้าย-ขวา ปุ่มตรงกลางไว้สำหรับ ปิด-เปิดวิทยุ และหมุนปรับเพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านบนคือจอแสดงผลไว้แจ้ง ความแรงของลม คลื่นวิทยุ อุณภูมิ เป็นต้นครับ
ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 2.0 หรือ 2.4 ลิตร สิ่งที่คุณจะได้รับเหมือนกัน คือเครื่องเสียงที่คุณจะได้รับเป็นแบบเดียวกัน คือ เล่นซีดีได้ 6 แผ่น เล่นเทปไม่ได้ ฟรอนท์ ถูกออกแบบมาให้เป็นหนึ่งเดียว
กับแผงหน้าปัดชนิดไม่ต้องคิดหาฟรอนท์มาติดใหม่เลย
ถัดมาด้านขวาของคอลโซน จะเจอกับพวงมาลัย ที่ติดMulti-Fucntion มาด้วย เอาไว้ปรับ
เพิ่ม-ลด เสียงวิทยุกับเปลี่ยนโหมด ซึ่งในรุ่น EL จะมี Cruise Control ที่ฝั่งขวาของพวงมาลัย
ขนาดของพวงมาลัย จับถนัดมือดีครับ หุ้มด้วยหนังธรรมดา ในส่วนของรุ่น EL จะมีลายไม้มาให้ด้วย ชุดมาตรวัดความเร็วมีแสดงผลของ ความเร็ว ,รอบเครื่อง ,ความร้อน ,ตำแหน่งเกียร์
,มาตรวัดน้ำมัน ,และช่องดิจิตอลที่บอกผลรวมการวิ่งเป็น กิโลเมตร และ TripA,TripB
มองแล้วชัดเจนดีครับ
เบาะคู่หน้าถูกออกแบบให้โอบกระชับตัวคนขับและผู้โดยสารไว้อย่างสบายกำลังดี ทำจาก
หนังแท้ เบาะคนขับ
มีที่ปรับดันหลัง เพื่อให้รับกับแผ่นหลัง ลดอาการปวดหลังขณะเดินทางไกล
ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับเบาะคนขับ
และ 4ทิศทาง สำหรับเบาะฝั่งคนนั่งครับ (คันนี้มีเบาะปรับไฟฟ้า 1 ตัวครับ)
เบาะหนังด้านหลังออกแบบมาให้พื้นรองนั่งสั้น เนื่องจากออกแบบมาให้ดูเหมือนว่ามีพื้นที่
วางขามาก ที่พักแขนด้านหลัง เพียงพอต่อการใช้งาน ครับ
คอนโซลกลาง เป็นที่วางแขนในตัว ปรับเลื่อนเข้าออกเพื่อใช้งานได้ เมื่อเปิดฝาด้านบนออกจะ
เป็นแบบ 2 ชั้น ด้านบนไว้วาง นามบัตร ปากกา ฯลฯ ด้านหลัง ใส่กล่องซีดี
และยังมีระบบ Hands free สำหรับโทรศัพท์มือถือครับ
วิธีการใช้งาน?
หลักๆก็คือ เสียบชุด Hands free ของคุณ ไว้กับอุปกรณ์ต่อเชื่อม ในกล่องคอนโซลกลาง พร้อม
ที่วางแขนสำหรับเบาะคู่หน้านั่นเอง (เจ้าคันนี้ไม่มีครับ เพราะไม่ใช่ตัว TOP ครับ)
เรามาเปิดประตูดูกันดีกว่า บานประตูเปิดได้กว้างดีครับ ขึ้น – ลง สะดวกครับ สำหรับคนตัวใหญ่
ไม่มีปัญหาครับ ขึ้นลงสบาย
ประตูด้านหลังก็เช่นกันครับ กว้าง ขึ้น-ลง สะดวก ยิ่งที่บ้านมีคนแก่ รับรองว่าไม่มีปัญหาเรื่องการ
ขึ้นลงรถครับ
ในรุ่นนี้ ภายในมี 2 สีให้เลือกครับ มี สีเบจตกแต่งด้วยลายไม้ กับ สีดำตกแต่งด้วยเงินอะลูมิเนียม
และยังมีไฟอ่านหนังสือ ที่ให้แสงสว่างพอใช้ได้ มาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้วยครับ
มาด้านท้ายรถมั้งครับ ชุดไฟท้าย ฝากระโปรงท้าย และกันชนหลัง รวมทั้งติ่งไฟถอย มีบางคน
มองผิด เบลอ คิดว่าเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ในยามค่ำคืน แล้ว แต่ยังไงด้านข้างก็ยัง
ต่างกันมากอยู่ดีครับ ฝากระโปรงท้ายแอบมีไฟเบรกเล็กๆ ดูมีเสน่ห์ดี
ภายในฝากระโปรงท้าย ก็จะเห็นว่า มันกว้างมาก จุของได้เยอะจริงๆครับ เมื่อเปิดพรมที่รองขึ้นมา
จะพบกับยางอะไหล่และอุปกรณ์ถอดล้อครับ
สามารถเปิดได้ที่ ด้านข้างฝั่งคนขับครับ และที่ดึงยังสมารถใช้กุญแจล๊อกได้อีกด้วย
ล้อที่ใช้เป็นล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ยางของเจ้าคันนี้ ยังสภาพดีครับ ได้อีกหลายฝนเลย)
วิธีล๊อคและปลดล๊อค สามารถทำได้โดยใช้กุญแจไขหรือกดที่ดอกรีโมทเลยก็ได้ครับ
นับว่านี่เป็นรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบอีกคันหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยเครื่องยนต์ที่ให้อัตรการเร่งดีเยี่ยม และระบบช่วงล่างที่หนึบ เกาะถนนได้ดี อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้แบบไม่กัก กันเลย ณ ปัจจุบัน รถรุ่นนี้ ราคาถือว่าไม่แพงมากนัก เป็นอีกคันที่ คุ้มค่าจริงๆ
ถึงตรงนี้ Admin หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ข้อมูลไว้พิจราณารถยนต์ที่ต้องการจะซื้อไว้ใช้ไม่มากก็น้อยนะครับ ครั้งต่อไป
ต้องติดตามว่า Review ฉบับ 54นิวัฒน์ จะเอารถคันไหนมา ต้องติดตามกันให้ดี สำหรับ สัปดาห์นี้ ก็ขอลาไปก่อน
สวัสดีครับ
View: 2193